15
ส.ค.

จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 หรือ โควิด-19 (COVID-19) โดยเริ่มจากเมืองอู่ฮั่น ในประเทศจีน และต่อมาระบาดไปอีกหลายเมือง จนปัจจุบันพบผู้ป่วยติดเชื้อและเสียชีวิตจำนวนมากในหลายประเทศ รวมทั้งประเทศไทย ซึ่งวิกฤติในครั้งนี้ส่งผลกระทบเป็นวงกว้างอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ทั้งในเรื่องการใช้ชีวิตประจำวัน การทำงาน การท่องเที่ยว ภาคธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นในมุมของตัวบุคคลเอง หรือผู้ประกอบการ และหนึ่งในนั้นคือ ธุรกิจการจัดอีเวนต์ ที่ได้รับผลกระทบโดยตรง

นายเกรียงไกร กาญจนะโภคิน ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท อินเด็กซ์ ครีเอทีฟ วิลเลจ จำกัด (มหาชน) เล่าถึงการปรับแผนงานครั้งใหญ่ว่า ธุรกิจการจัดงานอีเวนต์ เป็นอุตสาหกรรมที่เซนซิทีฟ พอเจอการเปลี่ยนแปลงก็จะเป็นอุตสาหกรรมแรกๆ ที่โดนสั่งหยุด ครั้งนี้ก็เช่นกัน ตั้งแต่ปลายเดือนกุมภาพันธ์ ก่อนที่รัฐบาลจะมีคำสั่งให้หยุดเกือบทุกกิจกรรม ลูกค้าเริ่มมีการเลื่อนงาน แคนเซิลงาน ก่อนจะได้รับผลกระทบแบบเต็มๆ คือ ช่วงมีนาคมเป็นต้นไป รวมแล้วเกือบ 4 เดือน ต้องบอกว่าได้รับผลกระทบแบบ 100%

ในฐานะผู้บริหาร ต้องกลับมานั่งทบทวนว่าต้องทำยังไง สำหรับการบริหารธุรกิจมี 2 เรื่อง คือ สิ่งที่ควบคุมได้ และสิ่งที่ควบคุมไม่ได้ โดยเฉพาะธุรกิจอีเวนต์ที่จัดแล้วก็จบ มันคุมไม่ได้ เมื่อถูกสั่งปิด แปลว่าต้องมาดูสิ่งที่เราคุมได้ ต้องเข้ามาจัดการบริหารว่าอะไรลดได้บ้างเท่าที่จำเป็น สิ่งสำคัญ คือ ต้องไม่ให้พนักงานของเราต้องเดือดร้อน ก็ลดเท่าที่จำเป็นที่สุด

จากนั้น สิ่งสำคัญเร่งด่วนที่ต้องหา คือ รายได้ จะทำอย่างไรเพื่อหารายได้ ทำให้ต้องเริ่มคิดนอกกรอบ โดยเริ่มมองจาก Pain Point 2 อย่าง คือ 1.คนทั่วไป ที่กำลังกลัวโรคติดต่อ 2.คนที่ประกอบธุรกิจเหมือน Index creative village แล้วเสียหายกับการชัตดาวน์ประเทศ เมื่อเอา 2 อย่างมารวมกัน จึงนำมาสู่การเปิดธุรกิจใหม่ขึ้นมา คือ KILL & KLEAN บริการฆ่าเชื้อสุดพรีเมียม เริ่มจากการทดลองกันเอง พอเริ่มต้นเห็นแล้วว่าผลตอบรับดีมาก หมายถึงเซอร์วิสที่ทำมันเวิร์ก มีคนที่สนใจเข้ามารับบริการ ไม่ว่าจะเป็น ธนาคารต่างๆ หรือ หน่วยงานที่เป็นคอร์ปอเรชั่น High-end brands และทำการฉีดพ่นมาแล้วบนพื้นที่กว่าหนึ่งล้านตารางเมตร

KILL & KLEAN คือ ธุรกิจที่เราตั้งใจทำขึ้นมา และมีมาตรฐานสูงมาก เพราะไม่ได้มองแค่เรื่องของเซอร์วิส แต่มีจุดเด่นที่เทคโนโลยีหลากหลาย ไม่ได้มีเพียงสเปรย์ฉีดพ่นฆ่าเชื้อตามบ้านเท่านั้น ฉะนั้นสิ่งที่เราพัฒนามันตอบโจทย์หลายอย่าง เช่น ประเทศไทยเป็นเมืองร้อน จะมีไลฟ์สไตล์แบบหนึ่ง ฝรั่งเป็นเมืองหนาว ก็จะมีไลฟ์สไตล์อีกแบบหนึ่ง ก็ต้องมาหาเหตุผลว่าทำไมประเทศตะวันตกมีการระบาดมากกว่า เนื่องจากมันเป็นไลฟ์สไตล์ของเขา คือ การใส่รองเท้าเข้าบ้าน ส่งผลให้มีการแพร่เชื้อได้เร็ว เราจึงกลับมาย้อนดูว่าประเทศไทยหรือในภูมิภาคนี้ ถ้ามันจะมีปัญหาน่าจะเป็นที่รองเท้ามากที่สุด

ดังนั้น ทางทีมจึงพัฒนาลิขสิทธิ์พิเศษของเราเป็นเจ้าเดียวในโลก คือการฉีดฆ่าเชื้อจากพื้นรองเท้า (LOWER AREA DISINFECTING PASSAGE) โดยเริ่มจากการฉีดสเปรย์ครั้งที่ 1 ลงไปที่พื้นวัสดุที่สามารถซึมซับน้ำยา เพื่อให้คนเดินผ่านแล้วเหยียบลงไปเพื่อฆ่าเชื้อที่พื้นรองเท้า และยับยั้งไม่ให้เชื้อโรคแพร่กระจาย สเตปที่ 2 พ่นไปที่รองเท้า หรือสิ่งของ ฆ่าเชื้อให้หมดเพื่อลดการติดเชื้อ ซึ่งตอนนี้มีการติดตั้งในห้างสรรพสินค้าใหญ่ๆ โดยถือเป็นเจ้าแรกของโลก เนื่องจากไม่มีใครออกแบบเรื่องนี้โดยเฉพาะ

นายเกรียงไกร เล่าต่อว่า จากนั้นสิ่งที่ทำให้เราสามารถพลิกเกมในครั้งนี้ได้คือ เมื่อรู้ว่าประเทศยังปิด ยังไม่สามารถเดินทางข้ามจังหวัดได้ ทำให้ต้องพึ่งเน็ตเวิร์คโดยการทำแฟรนไชส์ ซึ่งแม้จะได้รับความสนใจอย่างมาก แต่ Index creative village มองว่า เพื่อไม่ให้เกิดการแข่งขัน จึงคำนวณการให้บริการ 1 แฟรนไชส์ ต่อประชากร 500,000 คน ตั้งเป้าไว้ทั่วประเทศ เพียง 40 แฟรนไชส์เท่านั้น

ขณะที่มาตรฐานของผลิตภัณฑ์สำหรับทำความสะอาด ฆ่าเชื้อ ที่แต่ละแฟรนไชส์จะได้รับไปนั้น ได้รับมาตรฐานระดับโลก อย่างน้ำยาฆ่าเชื้อ จะมี 2 ตัว คือ ยูโมเนียม น้ำยาฆ่าเชื้อที่ใช้ในห้องผ่าตัด ใช้ในห้องทารกแรกเกิด อีกตัวคือ คีนน์ น้ำยาฆ่าเชื้อ มาตรฐาน Food Grade ทำให้มั่นใจได้ว่าทุกผลิตภัณฑ์ที่ถูกนำไปใช้ฆ่าเชื้อนั้นปลอดภัย ได้รับการรับรองจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เป็นสารสกัดจากกรดไขมันมะพร้าว และสารประกอบออกไซด์ ที่มีคุณสมบัติในการฆ่าเชื้อโรค แบคทีเรีย ไวรัส และเชื้อราได้ถึง 99.99%

สำหรับราคาแฟรนไซส์ จะถูกแบ่งเป็น 3 ไซส์ คือ S, M และ L เริ่มจาก ไซส์ S ราคาอยู่ที่ 2 แสนบาท จะเป็นแฟรนไชส์ในจังหวัดเล็กๆ ถัดมา ไซส์ M อยู่ที่ 2.5 แสนบาท และ ไซส์ L ราคาอยู่ที่ 3 แสนบาท จะเป็นแฟรนไชส์ในจังหวัดหลักๆ ที่มีประชากรเยอะ หลังจากที่เป็นแฟรนไชส์แล้ว ก็จะได้รับอุปกรณ์ทุกอย่าง ทั้งเครื่องฉีดพ่น น้ำยา ยูนิฟอร์ม หน้ากาก รองเท้า ฯลฯ ซึ่งสามารถเริ่มงานได้ทันที ผู้ซื้อแฟรนไชส์สามารถเริ่มต้นธุรกิจได้เลย โดยจากที่ทดลองทำเองใน 1 เดือน พบว่า สามารถคืนทุนได้ทันที อันนี้ถือเป็นทีเด็ด

ทั้งนี้ หลังการเปิดขายแฟรนไชส์ บริการสเปรย์พ่นฆ่าเชื้อด้วยสุดยอดเทคโนโลยี ทำให้รู้ว่ายังมีอีกหลายประเทศต้องการสิ่งเหล่านี้ ดังนั้น Index creative village จึงได้ขยายธุรกิจไปขายแฟรนไชส์ไป สปป.ลาว, เมียนมา, กัมพูชา และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เซ็นเตอร์ของภูมิภาคตะวันออกกลาง ภายในเดือนครึ่งหลังจากเปิดตัว มีจำนวนแฟรนไชส์อยู่ที่ 25 แฟรนไซส์ ใน 5 ประเทศ 27 เมือง ซึ่งตนมองว่าเติบโตเร็วมาก หลายคนก็เซอร์ไพรส์ว่า Index creative village ทำแบบนี้ได้อย่างไร

สำหรับธุรกิจ KILL & KLEAN ที่เพิ่งสร้างขึ้นไม่ถึง 2 เดือน แต่เนื่องด้วยประสบการณ์กว่า 30 ปี ของ Index creative village ที่เคยผ่านเหตุการณ์สำคัญมาแล้วมากมาย โดยประสบการณ์ที่ผ่านมาสอนให้เรารู้จักการปรับตัว ซึ่งมองว่า ณ ตอนนี้มีอีกหลายประเทศที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 มากกว่าไทย ฉะนั้นจึงเป็นโอกาสที่จะขยายธุรกิจออกไปได้อีกในอนาคต อีกทั้ง ระบบสาธารณสุขของไทยดีขึ้นมากจนเป็นที่ยอมรับระดับโลก ถ้ายิ่งเข้าตลาดตรงนี้ช้า จะยิ่งเสียโอกาสในการเริ่มธุรกิจ ทำให้พูดได้ว่า KILL & KLEAN เป็นแบรนด์ที่แข็งแรงที่สุดในเรื่องของการฆ่าเชื้อโรค

ทั้งนี้ หากใครสนใจร่วมงานกับ Index ในการทำธุรกิจแฟรนไชส์ KILL & KLEAN สามารถติดต่อสอบถามได้ที่ Line @killandklean หรือเข้าไปที่เฟซบุ๊ก KILL & KLEAN จะมีแอดมินคอยช่วยตอบคำถาม หรือต้องการเช็กพื้นที่ที่ยังไม่มีตัวแทนแฟรนไชส์ เพื่อเป็นการสร้างรายได้ให้ผ่านวิกฤติครั้งนี้ไปด้วยกัน